ปุ๋ยเคมี โพลีแอร์พลัส GP ขนาด 500 cc.
฿300.00
โพลีแอร์พลัส
เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง สำหรับพืชทุกชนิด
** การฉีดพ่นโพลีแอร์พลัสตามคำแนะนำของบริษัทฯ จะทำให้เกษตรกรมีผลผลิตได้ถึง 105 ถังต่อไร่ โดยใช้ปุ๋ยยูเรียไร่ละประมาณ 22.5 กิโลกรัม เกษตรกรสามารถเห็นได้ว่ารวงข้าวจะสมบูรณ์มาก รวงข้าวจะงุ้มลง ต้นข้าวและรวงจะมีน้ำหนักมาก ใบข้าวตั้งตรง จึงไม่เกิดเชื้อราเพราะน้ำค้าง น้ำฝน จะไหลลงจากใบ จึงทำให้โอกาสเกิดเชื้อราน้อยลง หนอนม้วนใบก็จะไม่มารบกวนต้นข้าวเลย
วิธีการใช้ปุ๋ยน้ำ “โพลีแอร์พลัส” และ “สุดยอด” สารชีวภาพกับนาปรัง
ให้แช่เมล็ดพันธุ์ข้าวในน้ำธรรมดา 1 คืน เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์ข้าวงอกดีแล้ว จึงนำไปหว่านในแปลงนา เมื่อข้าวงอกได้ประมาณ 4-5 วัน ให้เกษตรกรสามารถฉีดยาฆ่าหญ้า และเอาน้ำเข้านาได้ตามที่ต้องการ หลังจากหว่าน 25-30 วัน เกษตรกรทำการฉีดพ่อครั้งที่ 1 โพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพ อย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อข้าวเริ่มแตกกอให้หว่านยูเรีย 10 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ หลังจากนั้นให้ฉีดพ่นครั้งที่ 2 โพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นครั้งนี้เพื่อบำรุงให้ต้นข้าวสมบูรณ์ จะได้ไม่มีโรคและแมลงรบกวน เมื่อข้าวเริ่มตั้งท้องหรือประมาณ 60 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ให้ฉีดพ่นครั้งที่ 3 โพลีแอร์พลัส และ สุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นครั้งสุดท้าย เมื่อข้าวออกรวงและเป็นน้ำนม ให้ฉีดโพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพออย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เป็นครั้งที่ 4 ท่านจะได้เห็นข้าวมีน้ำหนักและเม็ดสวย
การปลูกอ้อยให้ได้ไร่ละ 26 ตัน ลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3 เท่า
ท่านเกษตรกรได้ปลูกอ้อย 30 ไร่ ที่จังหวัดลพบุรี ได้ผลผลิต 780 ตันต่อ 30 ไร่ โดยการจุ่มท่อนพันธุ์หรือฉีดยารดท่อนพันธุ์ที่กองไว้บนพื้นด้วยสูตร 2 ดังนี้ น้ำ 25 ลิตร ผสมโพลีแอร์พลัส + สุดยอดสารชีวภาพ อย่างละ 50 ซีซี+ยูเรีย 50 กรัม + 0-52-34 จำนวรน 50 กรัม เป็นการป้องกันแมลงและศัตรูพืช เช่น หนู หนอนกอ เพลี้ยและด้วง ไม่ให้มารบกวน (ถ้าจุ่มและต้องใช้น้ำเพิ่มก็จัดการผสมยาสูตร 2 ข้างต้น และเพิ่มปริมาณยาตามอัตราส่วน เช่น น้ำ 100 ลิตร ให้เพิ่มส่วนผสมทุกอย่างอีก 4 เท่า) หลังปลูกอ้อยได้ประมาณ 20-30 วัน ให้พ่นยาสูตร 2 (ครั้งที่ 1) และเมื่อครบทุก ๆ 30-45 วัน ก็ให้ฉีดพ่นยา สูตร 2 (ครั้งที่ 2-4) ตามลำดับ ถ้าอ้อยมีลำต้นสูง ทางบริษัทฯ แนะนำให้ผู้ฉีดยาสวมใส่เสื้อกันฝนเพื่อป้องกันน้ำยาไม่ให้สัมผัสโดนร่างกาย และควรสวมหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันอ้อยบาด โดยผู้ฉีดพ่นยาควรชี้หัวฉีดขึ้นไปบนท้องฟ้าให้เป็นฝอยละเอียดเหมือนฝนตกลงมาโดนบริเวณทั่วใบของต้นอ้อย โดยสามารถสังเกตความสูงและความสมบูรณ์ของต้นอ้อยได้จากรูปภาพ ผู้ปลูกรายงานว่าใช้ทุนทั้งหมดเพียง 4 หมื่นบาท เทียบกับการใช้ปุ๋ยที่ต้องใช้ต้นทุนถึง 2 แสนบาทแต่ได้ผลผลิตน้อยกว่า
การปลูกข้าวโพดลดค่าใช้จ่าย
คุณจำเนียน ท่านเกษตรกรข้าวโพด ได้ทำการปลูกข้าวโพดในเนื้อที่ 400 ไร่ ที่จังหวัดลพบุรี เฉลี่ยได้ผลผลิตประมาณ 1,000-1,100 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใช้น้ำยา สูตร 3 ดังนี้ น้ำ 200 ลิตร ผสมโพลีแอร์พลัส และสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 500 ซีซี + ยูเรีย และ 0-52-34 อย่างละ 1 กิโลกรัม ( สามารถใช้สูตรเสมอ 15-15-15 แทน 0-52-34 ได้ ) การจุ่มเมล็ดพันธุ์ ให้ใช้น้ำ 20 ลิตร ผสมโพลีแอร์พลัส และสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 50 ซีซี แล้วแช่เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดไว้ 10 นาที แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง จากนั้นทำการปลูกโดยใช้คนหรือเครื่องปลูกก็ได้ ข้าวโพดจะงอกภายใน 3-4 วัน และหลังจากหว่านแล้ว 20-25 วัน ให้ทำการฉีดพ่นด้วยสูตรน้ำยาสูตร 1 และฉีดอีก 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละประมาณ 25 วัน หากข้าวโพดสูงเกินไป ให้ใช้วิธีการฉีดพ่นทางใบ แบบเดียวกันกับอ้อย ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยสามารถดูความสมบูรณ์ของฝักข้าวโพดได้ตามภาพตัวอย่าง เมื่ออายุครบ 70 วัน ข้าวโพดมีขนาดเทียบเท่าขวดน้ำขนาด 500 ซีซี ตามภาพ และในภาพถ่ายฝักข้าวโพดบนรถบรรทุกเมื่อเก็บเกี่ยวที่ 100 วัน จะเห็นได้ว่าฝักข้าวโพดทุกฝักมีความสมบูรณ์เท่าๆ กัน ( ฝักข้าวโพดทุกฝักไม่เป็นฟันหนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดสัตว์หรือข้าวโพดหวาน ) โดยคุณจำเนียนได้รายงานว่า การใช้โพลีแอร์พลัส ผสมกับปุ๋ยตามสูตรข้างต้นแทนปุ๋ยหว่าน ใช้ต้นทุนไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อ 400 ไร่ ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับการใช้ปุ๋ยตามปกติ และจะไม่มีแมลงหรือศัตรูพืชมารบกวนเลย
การปลูกมันสำปะหลัง
ให้แช่ท่อนพันธุ์สำปะหลังในน้ำยา สูตร 3 ประมาณ 2 นาที หลังจากนั้น สามารถนำท่อนพันธุ์ไปปลูกได้เลย ทางบริษัทฯ แนะนำให้ใช้ สูตร 3 ฉีดพ่นทางใบประมาณ 4-5 ครั้ง โดยฉีดพ่นครั้งแรกประมาณ 30 วัน หลังการปลูก และฉีดห่างกันทุก ๆ 30-40 วัน เมื่อครบกำหนด 6-8 เดือน ท่านจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปริมาณ 10-12 ตันต่อไร่ และทางบริษัทฯ แนะนำให้หว่านปุ๋ยมูลไก่ไร่ละประมาณ 200-300 กิโลกรัม โดยสามารถดูความสมบูรณ์ของมันสำปะหลังได้ตามภาพ
ภาพต้นไม้ทั้งหมดที่ใช้โพลีแอร์พลัส ผสมปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ
การปลูกไม้ยืนต้นให้ออกดอกนอกฤดู สามารถทำได้โดยทำการใช้น้ำยาสูตร 3 (รายละเอียดพลิกด้านหลัง) ฉีดพ่นหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วทุก ๆ 15-20 วัน 2-3 ครั้ง เพื่อเร่งให้ใบอ่อนของต้นไม้เป็นใบเพสลาด เมื่อใบเป็นเพสลาดแล้วให้ทำการฉีดน้ำยาสูตร 3 ปริมาณ 200 ลิตร และทำการเว้นระยะเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นให้ทำการฉีดพ่นยาสูตร 3 อีกครั้งทันที จะเป็นการเร่งต้นไม้ให้ออกดอกภายใน 30-45 วัน เมื่ออากาศอำนวยสำหรับต้นลำไยนั้น ไม่สามารถใช้วิธีการนี้ได้ สำหรับไม้ยืนต้นบริษัทฯ แนะนำให้ใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยมูลสัตว์ ตามแต่เจ้าหน้าที่เกษตรฯ จะแนะนำเพื่อให้ได้ผลที่แน่นอนควรจะรดน้ำทุก ๆ 7-10 วัน ไม้ประดับและพืชผักสวนครัว เกษตรกรสามารถใช้น้ำ ยาสูตร 4 ดังนี้ น้ำ 25 ลิตร+โพลีแอร์พลัส ปริมาณ 30 ซีซี และสุดยอดสารชีวภาพ 30 ซีซี ทำการฉีดไปที่ใบและต้นของไม้ประดับกับพืชผักสวนครัว เพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช ทำให้ต้นแข็งแรงสมบูรณ์และใบผักมีสีเขียว สดสวย
ปุ๋ยเคมี โพลีแอร์พลัส จากเกษตรกร ผู้ใช้จริง
นาข้าว | ทําให้ ข้าวใบตั้ง แตกกอใหญ่ รากดก รวงข้าวมีน้ําหนัก |
มันสําปะหลัง | ลําต้นใหญ่ หัวโต เปอร์เซ็นแป้งดี |
อ้อย | ลําต้นโต ความหวานเปอร์เซ็นดี |
ปาล์ม | ได้ผลเต็มคอ ไม่ขาดคอ |
ยางพารา | น้ํายางเยอะ หน้ายางนิ่ม กรีดง่าย |
ผลไม้ | ทุเรียนน้ําหนักดี เนื้อแน่น รสชาติอร่อย ชมพู่ เนื้อแน่น หวาน กรอบ |
ผลไม้อื่นๆ | เช่น มะม่วง ลําไย ลิ้นจี่ แก้วมังกร ฝรั่ง แตงโม ลองกองเงาะ มะขาม ทําให้ดอกดก ผลใหญ่ รสชาติดี |
พืชผัก | เช่น พริก มะเขือ มะนาว แตงกวา บวบ ฟัก ทําให้ แตกยอด แตกใบ ดี ดอกดก ติดผลเยอะ |
Related Products
-
ปุ๋ยเคมี โพลีแอร์พลัส PP ขนาด 1000 cc.
฿600.00โพลีแอร์พลัส ป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง สำหรับพืชทุกชนิด ** การฉีดพ่นโพลีแอร์พลัสตามคำแน…
-
ปุ๋ยเคมี โพลีแอร์พลัส GP ขนาด 1000 cc.
฿600.00โพลีแอร์พลัส เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง สำหรับพืชทุกชนิด ** การฉีดพ่นโพลีแอร์พลัสตามคำแ…
-
ปุ๋ยเคมี โพลีแอร์พลัส GP ขนาดทดลอง 100 cc.
฿50.00โพลีแอร์พลัส เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง สำหรับพืชทุกชนิด ** การฉีดพ่นโพลีแอร์พลัสตามคำแ…