วิธีใช้ปุ๋ยโพลีแอร์พลัส และสุดยอดสารชีวภาพ

วิธีใช้ปุ๋ยโพลีแอร์พลัส และสุดยอดสารชีวภาพ

วิธีการใช้ปุ๋ยน้ำ  “โพลีแอร์พลัส”  และ “สุดยอด”  สารชีวภาพกับนาปรัง

ให้แช่เมล็ดพันธุ์ข้าวในน้ำธรรมดา 1 คืน  เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์ข้าวงอกดีแล้ว  จึงนำไปหว่านในแปลงนา  เมื่อข้าวงอกได้ประมาณ 4-5 วัน ให้เกษตรกรสามารถฉีดยาฆ่าหญ้า และเอาน้ำเข้านาได้ตามที่ต้องการ  หลังจากหว่าน 25-30 วัน  เกษตรกรทำการฉีดพ่อครั้งที่ 1  โพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพ  อย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร  เมื่อข้าวเริ่มแตกกอให้หว่านยูเรีย 10 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ หลังจากนั้นให้ฉีดพ่นครั้งที่ 2  โพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร  ฉีดพ่นครั้งนี้เพื่อบำรุงให้ต้นข้าวสมบูรณ์ จะได้ไม่มีโรคและแมลงรบกวน เมื่อข้าวเริ่มตั้งท้องหรือประมาณ 60 วันก่อนการเก็บเกี่ยว  ให้ฉีดพ่นครั้งที่ 3 โพลีแอร์พลัส และ สุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นครั้งสุดท้าย เมื่อข้าวออกรวงและเป็นน้ำนม  ให้ฉีดโพลีแอร์พลัสและสุดยอดสารชีวภาพออย่างละ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร  เป็นครั้งที่ 4 ท่านจะได้เห็นข้าวมีน้ำหนักและเม็ดสวย

การปลูกอ้อยให้ได้ไร่ละ 26 ตัน ลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3 เท่า

ท่านเกษตรกรได้ปลูกอ้อย 30 ไร่ ที่จังหวัดลพบุรี  ได้ผลผลิต 780 ตันต่อ 30 ไร่  โดยการจุ่มท่อนพันธุ์หรือฉีดยารดท่อนพันธุ์ที่กองไว้บนพื้นด้วยสูตร 2 ดังนี้  น้ำ 25 ลิตร ผสมโพลีแอร์พลัส + สุดยอดสารชีวภาพ อย่างละ 50 ซีซี+ยูเรีย 50 กรัม + 0-52-34 จำนวรน 50 กรัม  เป็นการป้องกันแมลงและศัตรูพืช เช่น หนู หนอนกอ  เพลี้ยและด้วง ไม่ให้มารบกวน (ถ้าจุ่มและต้องใช้น้ำเพิ่มก็จัดการผสมยาสูตร 2 ข้างต้น  และเพิ่มปริมาณยาตามอัตราส่วน เช่น น้ำ 100 ลิตร ให้เพิ่มส่วนผสมทุกอย่างอีก 4 เท่า) หลังปลูกอ้อยได้ประมาณ 20-30 วัน ให้พ่นยาสูตร 2 (ครั้งที่ 1) และเมื่อครบทุก ๆ 30-45 วัน ก็ให้ฉีดพ่นยา สูตร 2 (ครั้งที่ 2-4) ตามลำดับ  ถ้าอ้อยมีลำต้นสูง ทางบริษัทฯ แนะนำให้ผู้ฉีดยาสวมใส่เสื้อกันฝนเพื่อป้องกันน้ำยาไม่ให้สัมผัสโดนร่างกาย และควรสวมหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันอ้อยบาด โดยผู้ฉีดพ่นยาควรชี้หัวฉีดขึ้นไปบนท้องฟ้าให้เป็นฝอยละเอียดเหมือนฝนตกลงมาโดนบริเวณทั่วใบของต้นอ้อย  โดยสามารถสังเกตความสูงและความสมบูรณ์ของต้นอ้อยได้จากรูปภาพ  ผู้ปลูกรายงานว่าใช้ทุนทั้งหมดเพียง 4 หมื่นบาท  เทียบกับการใช้ปุ๋ยที่ต้องใช้ต้นทุนถึง 2 แสนบาทแต่ได้ผลผลิตน้อยกว่า

การปลูกข้าวโพดลดค่าใช้จ่าย

คุณจำเนียน  ท่านเกษตรกรข้าวโพด  ได้ทำการปลูกข้าวโพดในเนื้อที่ 400 ไร่  ที่จังหวัดลพบุรี เฉลี่ยได้ผลผลิตประมาณ  1,000-1,100 กิโลกรัมต่อไร่  โดยใช้น้ำยา สูตร 3 ดังนี้   น้ำ 200 ลิตร ผสมโพลีแอร์พลัส  และสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 500 ซีซี + ยูเรีย และ 0-52-34 อย่างละ 1 กิโลกรัม ( สามารถใช้สูตรเสมอ 15-15-15 แทน 0-52-34 ได้ ) การจุ่มเมล็ดพันธุ์  ให้ใช้น้ำ 20 ลิตร  ผสมโพลีแอร์พลัส  และสุดยอดสารชีวภาพอย่างละ 50 ซีซี  แล้วแช่เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดไว้ 10 นาที  แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง  จากนั้นทำการปลูกโดยใช้คนหรือเครื่องปลูกก็ได้  ข้าวโพดจะงอกภายใน 3-4 วัน และหลังจากหว่านแล้ว  20-25 วัน  ให้ทำการฉีดพ่นด้วยสูตรน้ำยาสูตร 1 และฉีดอีก 2 ครั้ง  ห่างกันครั้งละประมาณ 25 วัน  หากข้าวโพดสูงเกินไป ให้ใช้วิธีการฉีดพ่นทางใบ แบบเดียวกันกับอ้อย ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น  โดยสามารถดูความสมบูรณ์ของฝักข้าวโพดได้ตามภาพตัวอย่าง เมื่ออายุครบ 70 วัน  ข้าวโพดมีขนาดเทียบเท่าขวดน้ำขนาด 500 ซีซี ตามภาพ  และในภาพถ่ายฝักข้าวโพดบนรถบรรทุกเมื่อเก็บเกี่ยวที่ 100 วัน จะเห็นได้ว่าฝักข้าวโพดทุกฝักมีความสมบูรณ์เท่าๆ กัน  ( ฝักข้าวโพดทุกฝักไม่เป็นฟันหนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดสัตว์หรือข้าวโพดหวาน )  โดยคุณจำเนียนได้รายงานว่า  การใช้โพลีแอร์พลัส  ผสมกับปุ๋ยตามสูตรข้างต้นแทนปุ๋ยหว่าน  ใช้ต้นทุนไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อ 400 ไร่  ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับการใช้ปุ๋ยตามปกติ และจะไม่มีแมลงหรือศัตรูพืชมารบกวนเลย

การปลูกมันสำปะหลัง

ให้แช่ท่อนพันธุ์สำปะหลังในน้ำยา  สูตร 3 ประมาณ 2 นาที  หลังจากนั้น  สามารถนำท่อนพันธุ์ไปปลูกได้เลย  ทางบริษัทฯ แนะนำให้ใช้ สูตร 3 ฉีดพ่นทางใบประมาณ 4-5 ครั้ง  โดยฉีดพ่นครั้งแรกประมาณ 30 วัน หลังการปลูก  และฉีดห่างกันทุก ๆ  30-40 วัน  เมื่อครบกำหนด 6-8 เดือน  ท่านจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปริมาณ  10-12  ตันต่อไร่  และทางบริษัทฯ แนะนำให้หว่านปุ๋ยมูลไก่ไร่ละประมาณ  200-300 กิโลกรัม  โดยสามารถดูความสมบูรณ์ของมันสำปะหลังได้ตามภาพ

ภาพต้นไม้ทั้งหมดที่ใช้โพลีแอร์พลัส  ผสมปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ

การปลูกไม้ยืนต้นให้ออกดอกนอกฤดู   สามารถทำได้โดยทำการใช้น้ำยาสูตร 3 (รายละเอียดพลิกด้านหลัง)  ฉีดพ่นหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วทุก ๆ 15-20 วัน 2-3 ครั้ง  เพื่อเร่งให้ใบอ่อนของต้นไม้เป็นใบเพสลาด เมื่อใบเป็นเพสลาดแล้วให้ทำการฉีดน้ำยาสูตร 3 ปริมาณ 200  ลิตร และทำการเว้นระยะเวลา 1 เดือน  หลังจากนั้นให้ทำการฉีดพ่นยาสูตร 3 อีกครั้งทันที  จะเป็นการเร่งต้นไม้ให้ออกดอกภายใน 30-45 วัน เมื่ออากาศอำนวยสำหรับต้นลำไยนั้น   ไม่สามารถใช้วิธีการนี้ได้ สำหรับไม้ยืนต้นบริษัทฯ แนะนำให้ใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยมูลสัตว์ ตามแต่เจ้าหน้าที่เกษตรฯ จะแนะนำเพื่อให้ได้ผลที่แน่นอนควรจะรดน้ำทุก ๆ 7-10 วัน ไม้ประดับและพืชผักสวนครัว  เกษตรกรสามารถใช้น้ำ ยาสูตร 4 ดังนี้ น้ำ 25 ลิตร+โพลีแอร์พลัส ปริมาณ 30 ซีซี และสุดยอดสารชีวภาพ 30  ซีซี  ทำการฉีดไปที่ใบและต้นของไม้ประดับกับพืชผักสวนครัว เพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช ทำให้ต้นแข็งแรงสมบูรณ์และใบผักมีสีเขียว สดสวย

Start typing and press Enter to search

Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า